การสืบชาตาเมือง ตามความเชื่อของชาวล้านนา เป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ทั้งนี้เพราะบางครั้งเห็นว่าบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนอันมาจากอิทธิพลของดาวพระเคราะห์มาเบียดเบียน ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะการจลาจล การศึก หรือเกิดโรคภัยแก่ประชาชนในเมือง ดังนั้นผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองจึงให้จัดทำพิธีสืบชาตาเมือง เพื่อสืบอายุของเมืองให้ดำเนินต่อเนื่องไป
กรณีเมืองเชียงใหม่นั้น มีการทำพิธีสืบชาตาเมืองเป็นประจำทุกปี โดยกระทำต่อเนื่องกับการเข้าอินทขีลหรือการบูชาหลักเมืองเชียงใหม่ในช่วงปลายเดือนแปดต่อกับเดือนเก้า (ประมาณเดือนกรกฎาคม) ทั้งนี้ศาสตราจารย์มณี พยอมยงค์ ได้กล่าวถึงพิธีสืบชาตาเมืองในสมัยพระเมืองแก้วแห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ. 2038 – 2068) ไว้อย่างละเอียดโดยกล่าวว่า พระมหากษัตริย์แห่งนครเชียงใหม่จะทรงเป็นประธานในพิธีสืบชาตาเมือง เพื่อให้เกิดความสุขสวัสดีแก่บ้านเมืองและประชากรโดยทั่วไป
โดยคัมภีร์สืบชาตาเมืองเชียงใหม่นั้น ได้ระบุว่าจะต้องเตรียมการในพิธี ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้อาจารย์ผู้ประกอบพิธีซึ่งเป็นหัวหน้าของคณะทำงานนั้น จะได้จัดสิ่งของต่างๆ ให้เข้าที่ โดยเฉพาะจะให้เอาเชือกฅาเขียวหรือเชือกทำจากหญ้าคาสดนั้นวางบนเมกเวียง คือใบเสมา เวียนสายสิญจน์รอบกำแพงเมืองแล้วโยงจากประตูช้างเผือก ประตูสวนดอก ประตูเชียงใหม่ และประตูท่าแพ เข้าสู่กลางเวียงและนำส่วนปลายของสายสิญจน์นั้นสอดไว้ใต้อสานะของพระพุทธรูปและพระสงฆ์ แล้วต่อสายสิญจน์จากอาสนะพาดโยงไปสู่บ้านทุกหลังโดยโยงไว้ให้พ้นจากการเหยียบย่ำ จากนั้นจึงจัดทำตาแหลวพันชั้นหรือเฉลวที่สานอย่างวิจิตรไปติดไว้ที่ประตูเมืองทุกแห่ง แห่งละ 1 อัน
ข้อมูลจาก สารานุกรมวัฒนธรรมภาคเหนือ
5 | |
4 | |
3 | |
2 | |
1 |