พระบฏ คือผืนผ้าเขียนรูปพระพุทธเจ้าหรือเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เช่นพระพุทธประวัติหรือชาดก คำว่า "บฏ" มีรากศัพท์ในภาษาบาลีว่า ปฏ (อ่านว่า ปะ - ตะ) หมายถึง ผ้าทอ ผืนผ้า
การเขียนผ้าพระบฏ เพื่อประดับอาคารศาสนสถานเป็นคตินิยมในพุทธศาสนามหายานจากประเทศอินเดีย และได้ส่งอิทธิพลไปยังดินแดนต่างๆ เช่นจีนและญี่ปุ่น ดังพบหลักฐานการเขียนภาพบนผืนผ้าและนำไปประดับตามศาสนสถานตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 (สมัยราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถัง) ส่วนใหญ่เป็นภาพพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนี หรือพระโพธิสัตว์ แวดล้อมด้วยพระสาวก
ในประเทศไทยพบหลักฐานการทำผ้าพระบฏบนจารึกสุโขทัย หลักที่ 106 (จารึกวัดช้างล้อม) กล่าวถึงในปีพุทธศักราช 1827 พนมไสดำ ผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้สร้างถาวรวัตถุต่างๆ และภาพพระบฏ ดังตอนหนึ่งว่า “....พระบดอันหนึ่ง ด้วยสูงได้ 14 ศอกกระทำให้บุญไปแก่สมเด็จมหาธรรมราชา กระทำพระหินอันหนึ่ง ให้บุญไปแก่มหาเทวี....”
ภาพและเรื่องราวของผ้าพระบฏ
ในคติดั้งเดิม ผ้าพระบฏมีส่วนประกอบสำคัญคือพระพุทธเจ้ายืนยกพระหัตถ์ขวา ต่อมามีพระอัครสาวกประกอบซ้ายขวา ช่วงบนที่มุมซ้ายและขวามักมีฤๅษีหรือนักสิทธิ์ เหาะพนมมือถือดอกบัว ในระยะต่อมา แม้ว่าจะมีภาพเล่าเรื่องเข้ามาประกอบ แต่ส่วนสำคัญของภาพก็ยังคงเป็นภาพที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนา ภาพและเรื่องราวที่เขียนในพระบฏ คือ
- ภาพพระพุทธเจ้ายืนยกพระหัตถ์ขวา หรือบางครั้งมีพระอัครสาวกยืนประนมมือขนาบข้างซ้าย - ขวา หมายถึง พระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร ส่วนใหญ่แล้วมักเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้ายืนภายในกรอบซุ้มประตู
- ภาพพระพุทธประวัติ นิยมเขียนในตอนมารผจญ ตอนเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และตอนเสด็จลงจากดาวดึงส์
- พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัลป์ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมน์ และพระกัสสปะ พระสมณโคดม และพระศรีอาริยเมตไตรย
- พระมาลัย เป็นวรรณกรรมในพุทธศาสนาที่กล่าวถึง พระอรหันต์นามว่าพระมาลัย เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์สามารถเหาะลงไปโปรดสัตว์นรก และขึ้นไปนมัสการพระจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยภาพเขียนพระมาลัยจะเป็นพระสงฆ์ห่มจีวรสีแดง ถือตาลปัตร สะพายบาตร อยู่ในท่าเหาะ หรือไม่เช่นนั้นก็จะนั่งอยู่ต่อหน้าพระเจดีย์จุฬามณี
- พระเจดีย์จุฬามณี เป็นพระเจดีย์แก้วสีเขียวที่พระอินทร์ทรงสร้างไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นที่ประดิษฐานพระเกศา (เส้นผม) พระเวฏฐนพัสตร์ (ผ้าโพกศีรษะ) พระทักษิณทันตทาฒธาตุ (เขี้ยวซี่บนซ้าย - ขวา) และพระรากขวัญเบื้องบน (กระดูกไหปลาร้าบน) ของพระพุทธเจ้า
- ทศชาติชาดก คือเรื่องราวของพระพุทธเจ้าครั้งเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญบารมีอันเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ 10 พระชาติสุดท้าย ก่อนที่จะเสวยพระชาติเป็นพระโคตมพุทธเจ้า
- เวสสันดรชาดก เป็นเรื่องที่นิยมเขียนกันมาก เพราะเป็นพระชาติที่บำเพ็ญบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะเสวยพระชาติเป็นพระโคตมพุทธเจ้า จึงเรียกว่า มหาชาติ
- อสุภะ คือภาพพระสงฆ์พิจารณาซากศพที่อยู่ในสภาพต่างๆ กัน สำหรับเป็นมรณานุสติให้แก่พระภิกษุสงฆ์และบุคคลทั้งหลาย
- ภาพอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีพระบฏที่เขียนเป็นภาพพระพุทธบาทสี่รอย มีลายมงคล ๑๐๘ ประการ ภาพพระอดีตพุทธเจ้าประทับนั่งเรียงเป็นแถว หรือภาพเล่าเรื่องในวรรณกรรม เช่น พระสุธน - มโนห์รา เป็นต้น
รูปแบบของพระบฏ
- แบบผืนผ้าขนาดยาว ใช้สำหรับแขวนทอดลงมา มักเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้ายืน หรือภาพพระพุทธเจ้ายืนภายในซุ้ม พร้อมด้วยพระอัครสาวกซ้าย – ขวา หรือเขียนภาพเล่าเรื่องในพระพุทธประวัติ พระมาลัย หรือทศชาติ หรือภาพเล่าเรื่องอื่นๆ
- แบบผืนผ้าขนาดยาวในแนวขวาง ประมาณ 15-20 เมตร ใช้แขวนภายในอุโบสถหรือวิหาร นิยมเขียนภาพเล่าเรื่องเต็มทั้งผืน ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องพระเวสสันดรชาดกและทศชาติ
- แบบผืนผ้าขนาดเล็กลง ประมาณ 50 x 70 เซนติเมตร หรือ 50 x 50 เซนติเมตร เขียนภาพเล่าเรื่องเป็นตอนๆ ในพระพุทธประวัติ ชาดก และที่นิยมกันมาก คือเวสสันดรชาดก
ความหมายของ “ภาพตุงค่าว” และ “ผ้าพระเวส”
คือผ้าพระบฏรูปแบบหนึ่งที่เขียนเล่าเรื่องในเวสสันดรชาดก มีจำนวน 13 - 28 ผืน ตามเนื้อเรื่องในแต่ละกัณฑ์ของเวสสันดรชาดก ที่มีทั้งหมด 13 กัณฑ์ คือ ทศพร หิมพานต์ ทานกัณฑ์ วนประเวศ ชูชก จุลพน มหาพน กุมาร มัทรี สักกบรรพ มหาราช ฉกษัตริย์ และนครกัณฑ์ เป็นกัณฑ์สุดท้าย ใช้แขวนภายในวิหารหรือศาลาการเปรียญในพิธีเทศน์มหาชาติ
ในภาคเหนือเรียกว่า “ภาพตุงค่าว” เพราะเป็นภาพประกอบการเทศนาธรรมในพิธีตั้งธรรมหลวง (เทศน์มหาชาติ) ส่วนภาคอีสาน เรียกว่า “ผ้าพระเวส” ใช้ประกอบการเทศน์มหาชาติในงาน “บุญเผวส” เช่นเดียวกัน
ฐาปนีย์ เครือระยา
สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่