มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดตั้งโครงการศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ในปี พ.ศ. 2528 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทํานุบํารุงและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม รวบรวมและค้นคว้าข้อมูลวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรมล้านนา ให้บริการวิชาการแก่สังคม โดยการจัดประชุม อบรม สัมมนา เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็น และสร้างความเข้าใจอันถูกต้อง เพื่อสร้างมาตรฐานทางด้านศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปวัฒนธรรมล้านนา การดําเนินงานในระยะเริ่มต้นประสบผลสําเร็จเป็นอย่างดีตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดตั้งโครงการ แต่ก็ยังมีงานด้านศิลปวัฒนธรรมอีกเป็นจํานวนมากที่ยังไม่ได้รับการส่งเสริมและอนุรักษ์เพราะประสบด้านงบประมาณและกําลังคนไม่เพียงพอ จึงทําให้ไม่สามารถขยายขอบข่ายงานออกไปได้ในวงกว้าง ทบวงมหาวิทยาลัยจึงได้ประกาศยกฐานะโครงการศูนย์ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม เป็น สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ขึ้นเป็นส่วนราชการของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2536 ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 110 ตอนที่ 87 โดยจัดตั้งขึ้นตามพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2530 มาตรา 7 คือ "...ให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถานศึกษาและวิจัย มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทําการสอน ทำการ วิจัย ให้บริการแก่สังคมและทะนุบํารุงศิลปวัฒนธรรม..."
ตามพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 125 ตอนที่ 44 ก ได้มีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 ณ วันที 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมาตรา5 ได้กําหนดให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานในกํากับของรัฐ ซึ่งไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมาย และตามมาตรา 2 วรรคสอง รวมทั้งมติสภามหาวิทยาลัย ในคราวประชุม ครั้งที่6/2551 เมื่อวนที่ 1 มิถุนายน 2551 ได้มีประกาศการจัดตั้งส่วนงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551 โดยประกาศให้ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม เป็นส่วนงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2551 โดยดําเนินงานตามพันธกิจของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือ "มหาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาสมบูรณ์แบบทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทําการวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการและเกิดประโยชน์แก่สังคมเป็นส่วนรวม บริการทางวิชาการแก่สังคม ทะนุบํารุงและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม" โดยความนี้อาจกล่าวได้ว่าขอบเขตและหน้าที่ของสํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มิได้จํากัดอยู่แต่ในรั้วของมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ควรมีบทบาททั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติด้วย